วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีเลือกปลาทู ประโยชน์ของปลาทู และการจัดเก็บปลาทูด้วยเครื่องซีลสูญญากาศ

วิธีเลือกปลาทู ประโยชน์ของปลาทู และการจัดเก็บปลาทูด้วยเครื่องซีลสูญญากาศ

ปลาทู

       ปลาในแผ่น ดินไทยมีครบอุดมสมบูรณ์แต่โบราณ ในบรรดาฝรั่งต่างชาติที่บันทึกเรื่องราวอาหารการกินของคนไทยไว้ เห็นจะไม่มีใครวิเศษเท่าลาลูแบร์ ในหนังสือเรื่อง พระราชอาณาจักรสยาม ดังตอนหนึ่งกล่าวว่า

"ไม่มีชนใดจะสมถะเสมอด้วยชาวสยาม ชาวบ้านดื่มกันแต่น้ำเปล่า จะอยู่อย่างมีความสุขด้วยอาหารการกินง่ายๆ เพียงข้าวเปล่ากับปลาแห้ง หรือปลาเค็มตัวเล็กๆ อาจมีเครื่องจิ้มบ้าง ปลานั้นชุกชุมมากเหลือเกิน จับชั่วโมงหนึ่งพอกินไปได้หลายวัน มีมากทั้งปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม เต่าตัวย่อมๆ กุ้งขนาดต่างๆ หอยนางรมก็มีมาก และผลไม้นานาชนิดมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

คนไทย รู้จักและกินปลาทูมาช้านานแล้ว แต่หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร อัตนเก่าแก่ที่สุดที่หาได้ในขณะนี้กลับมีอายุเยาว์เพียง 125 ปีเท่านั้นคือ หนังสือ "อักขราภิธานศรับท์" ฉบับหมอบรัดเล" ตีพิมพ์ในรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2416 โดยเขียนว่า
" ปลาทู, เป็นปลาอยู่ทะเลน้ำเค็มมีเกล็ด, ตัวมันกว้างศักสองนิ้ว, ยาวศักสิบนิ้ว" และ "ปลาลัง,ตัวมันเหมือนปลาทู, แต่เล็กกว่าปลาทู, อยู่น้ำเค็มในทะเลมีเกล็ดหนืดๆ"

ปลาทูเป็นปลาทะเลที่หาซื้อได้ง่าย ราคาถูก ทั้งยังมีคุณค่าสารอาหาร โดยเฉพาะกราดไขมันโอเมก้า 3 สูง
การ เลือกซื้อปลาทูให้ได้ปลาสด สังเกตที่ลูกตานูน ตาดำสีสดใส ส่วนหลังมีสีเขียวเป็นพื้น ส่วนท้องมีสีขาวเงิน หางปลามีสีเหลือง ลำตัวมีเมือกลื่นๆจับทั่วตัว เหงือกสีแดงอมชมพู ไม่มีกลิ่น เนื้อแน่น เมื่อใช้นิ้วกดที่หลางลำตัวแล้วปล่อยนิ้วออก รอยยุบจะกลับคืนสภาพเดิม

ส่วน การเลือกซื้อปลาทูนึ่ง ให้เลือกดูปลาที่มีกลิ่นหอม เพราะปลาทูที่ต้มสุกใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมน่ากิน ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่น ไม่เละ ท้องและหนังปลาไม่ถลอก ถ้าขอบตาแดงและเหลืองแสดงว่าเป็นปลาที่มีคุณภาพไม่ดี

ปลาทูนึ่ง มีกรรมวิธีการทำที่ไม่ใช่การนึ่ง แต่เป็นการต้มหรือลวก โดยบรรจุปลาใส่เข่งไม่ไผ่ จากนั้นนำเข่งเรียงลงในกระชุ (เข่งไม้ไผ่สานตาห่างๆ ทรงสูง ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เส้นผ่าศูนย์กลางสักประมาณ 1-2 ฟุต) จนเต็ม แล้วนำกระชุปลาลงไปแช่ในกระทะใบบัวก้นลึก ที่มีน้ำเกลือต้มเดือดปุดๆ แช่ไว้สักประมาณ 3-5 นาที ถ้าปลาตัวเล็ก 3 นาทีก็ยกขึ้นได้ ต้องกะเวลาต้มให้พอดี ถ้าต้มนานเกินไปเนื้อปลาจะแตกไม่น่ากิน ก่อนจะยกกระชุปลาขึ้น จะต้องตักน้ำเกลือราดบนเข่งปลาทูอีกครั้งเพื่อให้ความชุ่มของเนื้อปลาทูยัง คงอยู่ ปลาทูไม่ติดกับเข่ง เวลาต้มต้องอย่าใช้ไปแรง เพื่อให้ปลาสุกข้างนอกแล้วระอุไปถึงเนื้อปลา

ประโยชน์ปลาทู

ปลาทูเป็นอาหารทะเลชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในประเภทปลาผิวน้ำ สีของลำตัวด้านบนหลังเป็นสีน้ำเงินแกมเขียว ด้านท้องเป็นสีขาวเงิน
คน ไทยนิยมบริโภคปลาทูตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเพราะราคาถูก เมื่อเทียบกับสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ ทำอาหารได้หลายอย่าง ย่อยง่าย รสชาดดี โดยเฉพาะปลาทางแถบจังหวัดชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงครามและเพชรบุรี เพราะมีความมันมาก รสอร่อยกว่าปลาทูจากแหล่งอื่นๆ

ปลา ทู เป็นปลาไทยแท้ไม่มีเชื้อสายจีนหรือแขกเจือปน เพราะมันเกิดที่อ่าวไทยแล้วก็ตาย ที่อ่าวไทย พูดง่าย ๆ ก็คือ จะพบปลาทูเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ยังไม่มีใครเคยพบปลาทู ที่อเมริกา หรือทะเลอื่น ๆ เลยทั่วโลก ทำไมปลาทูจึงจงใจมาอยู่เมืองไทย
คุณวิไลกุล ระตินัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาทู ไม่ได้เขียนบอกไว้ บอกเพียงแต่ว่า

ใน เดือนธันวาคมถึงมกราคมจะพบปลาทูตัวยังเล็กมากขนาดปลาซิวอยู่บริเวณจังหวัด ชุมพร ปลาทูค่อย ๆ โตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงหัวหินและจะโตเต็มที่เมื่อถึงอ่าวแม่กลอง ปลาทูไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ชอบว่ายน้ำเรียบชายอ่าวไปเรื่อย ๆ ผ่านปากน้ำเจ้าพระยา ถึงตอนนี้มันจะมีไข่เต็มท้อง ก็อยู่ในระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม

ใคร ชอบกินปลาทูเริ่มมีไข่ก็ต้องกินระหว่างเดือนที่ว่านี้แหละ พอปลาทูเริ่มมีไข่ในท้อง ปลาทูจะมีน้อยลง เพราะส่วนหนึ่งจะแอบไปหาปะการังเพื่อวางไข่ แต่บางคนก็ว่า เหตุที่ปลาทูมีน้อยลง อาจเป็นเพราะถูกคนจับมากินมากขึ้นก็ได้ ปลาทูมีชีวิตวนเวียน อยู่แต่ในอ่าวไทย บางปีก็มีมาก บางปีก็มีน้อย แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะปลาออกลูกออกหลาน ได้ครั้งละเป็นหมื่น ๆ ตัว(ไมตรี ลิมปิชาติ)

จากหลักฐานทางด้านวิชาการ ของกองประมงทะเล พบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นก้นอ่าวไทย จึงมีอาหารอุดมสมบูรณ์ จึงมีผลทำให้ปลาทูเหล่านี้มีสารอาหารต่างๆอยู่ในตัวมาก และประกอบกับปลาทูจะวางไข่บริเวณฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย แถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และจะอพยพมาที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ในช่วงสิงหาคม-ธันวาคม ดังนั้นปลาทูในช่วงนี้มีราคาถูกเพราะมีมาก รสอร่อย และเป็นปลาทูตัวโต หรือปลาทูสาว


ปลาทูเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนอย่างดี จะเห็นได้ว่า ในปลาทูสด 100 กรัม มีคุณค่าทางสารอาหารดังนี้..

พลังงาน 140 แคลอรี่
โปรตีน 20 กรัม
ไขมัน 6.7 กรัม
แคลเซียม 170 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 60 มิลลิกรัม
เหล็ก 11.9 มิลลิกรัม
วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.62 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 9.2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 9.2 มิลลิกรัม


เนื่องจากปลาทูมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปลาอีกหลายๆ ชนิด โอกาสซื้อผิดมีมาก จึงขอแนะนำเพื่อเป็นข้อสังเกตดังนี้

1. ปลาทู มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrlliger neglectus หรือ ปลาทูสั้น ปลาทูเตี้ย แล้วแต่บางพื้นที่ เพราะลักษณะของลำตัวกว้าง แบน ป้อม สั้น ตาเล็ก ปากแหลมมน ไม่มีลายข้างตัว 3 เส้น ด้านบนของลำตัวมีสีน้ำเงินแกมเขียว ถ้าเป็นปลาสดจะมีสีน้ำเงินเข้มพาดตามยาวของลำตัว เนื้อปลาทูจะละเอียด นุ่ม มีมันมาก รสอร่อย

2. ปลาลัง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrelliger Kanagurta หรือ ปลายาว ปลาทูโม่ง หรือปลาโม่ง เพราะลำตัวกลม เรียวกว่าปลาทู ตาโต ปากแหลม ลำตัวด้านหลังมีแถบสีเขียวแกมน้ำตาล 2-3 แถบพาดตามยาว เนื้อหยาบ มันน้อย รสไม่อร่อย ราคาถูกกว่าปลาทู

3. ปลาทูปากจิ้งจก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrelliger faughni ลักษณะลำตัวเรียวยาวคล้ายปลาลัง แต่มีขนาดความยาวเท่าปลาทู ความกว้างของลำตัวน้อยกว่าปลาลัง ปากแหลม ด้านบนลำตัวมีสีน้ำเงิน แวววาว ด้านท้องมีสีขาวเงิน เนื้อหยาบ มันน้อย รับประทานไม่อร่อย (ผู้ขายมักเอามาขายรวมกับปลาทู)

4. ปลาทูแขก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Decapterus macrosoma ลักษณะคล้ายปลาทูปากจิ้งจก แต่มีเกล็ดหนามแข็งที่โคนหาง แนวเส้นข้างตัวโค้งลาด ลำตัวเรียวยาว แต่หนา มองดูค่อนข้างกลม ด้านหลังมีสีน้ำเงินแกมเขียว ท้องสีขาวเงิน ครีบสีขาวใส เนื้อหยาบ มันน้อย ปัจจุบันนิยมนึ่งแทนปลาทู หรือทำปลากระป๋อง

5. ปลาทูแขกครีบยาว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Decapterus maruadsi ลัษณะคล้ายปลาทูแขก แต่ลำตัวกว้างกว่า จึงมองดูแบน ตาค่อนข้างโต เนื้อแข็ง หยาบ รับประทานไม่อร่อย


การเลือกซื้อปลาทูนึ่งนั้น ให้พิจารณาดังนี้ ตัวจะสั้น ป้อม แบน ตาใส สีของปลาจะใส ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงินแกมเขียว หรือสีขาวของส่วนล่างก็ตาม กด เนื้อจะนิ่ม มีมันสีเหลืองเยิ้มอยู่ตามตัว ถ้าเนื้อแข็งแสดงว่าปลาไม่สด และเค็มเกินไป

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลาทู

วิธีการเลือกปลาทูนึ่ง
ปลา ทูที่นึ่งใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่นและไม่เละยุ่ย ท้องและผิวไม่ถลอก ถ้าขอบตาแดง ผิวเหลือง แสดงว่าเป็นปลาที่มีคุณภาพไม่ดี เป็นปลาที่ได้จากอวนลาก จึงต้องมีการใช้น้ำยาเคมีรักษาสภาพของปลา ความอร่อยของปลาทูนึ่งยังขึ้นอยู่กับปลาทูที่สดที่นำมาต้มด้วย ถ้าใช้ปลาทูไม่สด ไม่ใช่ปลาทูโป๊ะ จะไม่อร่อยเท่าปลาทูแม่กลองที่เวลานึ่ง คนทำจะหักคอก่อนใส่เข่ง เพื่อให้พอดีกับขนาดของเข่ง เรียกกันว่า “ปลาหน้างอคอหัก”


วิธีเลือกปลาทูสด
ปลา ทูสดลูกตาจะนูน ตาดำมีสีสดใส ส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียวเป็นพื้น ส่วนท้องจะมีสีขาว หรือสีเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวมีเมือกลื่นๆ เหงือกมีสีแดงออกชมพู ปลาไม่มีกลิ่น เนื้อแน่น เมื่อใช้นิ้วกดที่กลางลำตัวแล้วปล่อยนิ้วออก รอยยุบจะกลับคืนสภาพเดิมได้หมดหรือเกือบหมด
ส่วนปลาทูที่ไม่สดลูกตาจะ ยุบ ตาดำจะขุ่น บริเวณลูกตาอาจมีเลือดคลั่ง สีพื้นของลำตัวซีด เหงือกมีสีแดงซีด ปลามีกลิ่นคาวหรือคาวจัด ลำตัวอ่อนเหลวและไม่มีเมือกจับ

ซื้อปลาแบบไหนถึงจะอร่อย
หลัง จากที่ชาวประมงจับปลาทูขึ้นมาได้ราว 5 – 10 นาที ปลาก็จะตาย ปลาทูที่ตายใหม่ๆ นี้ถ้ารีบนำไปประกอบอาหารไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด เนื้อจะนุ่มหวานอร่อย กลิ่นหอม ถ้านำไปต้ม มันปลาทูสีเหลืองจะลอยฟ่องขึ้นหม้อ แค่เห็นก็อร่อยแล้ว

แต่ปลาทูสด ที่เห็นขายกันอยู่ตามตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ใช่ปลาทูสด 100% เป็นปลาทูที่ต้องผ่านหลายกระบวนการกว่าจะมาวางขายตามท้องตลาด ความสดของปลาก็ลดลงเหลือ 60 – 80% ยิ่งถ้าเป็นปลาทูที่ขายตามจังหวัดที่ห่างไกลทะเลแล้ว อาจเก็บมาเป็นอาทิตย์ก็ได้

อนึ่งปลาทูจะมีความสดมากหรือน้อยนั้นจะ ทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการดมกลิ่นชิมรสเนื้อปลา ซึ่งถือว่าปลาที่มีความสดมากนั้น จะมีกลิ่นหอมของเนื้อปลาชวนรับประทาน รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มไม่กระด้างไม่เปื่อยยุ่ย โดยเฉพาะปลาทูที่จับได้ที่ก้นอ่าวไทยตามทะเลที่พื้นดินเป็นเลน เนื้อจะอร่อยกว่าปลาทูที่จับได้ตามทะเลที่เป็นพื้นทราย

วิธีการจัดเก็บปลาทู
เราอาจจะทอดปลาทู ห่อด้วยกระดาษ หรือถ้าจัดเก็บแบบสดนั้น เราอาจจะใช้เครื่องซีลสูญญากาศแล้วจัดเก็บในตู้เย็นหรือฟรีซ เพื่อจัดเก็บให้ได้นานยิ่งขึ้น




ที่มา : healthfood.muslimthaipost.com

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ทำเครื่องแกง พริกแกง และจัดเก็บโดยเครื่องซีลสูญญากาศ

ทำเครื่องแกง พริกแกง และจัดเก็บโดยเครื่องซีลสูญญากาศ
แม่ บ้านสมัยนี้กลายเป็นแม่บ้านสูตรสำเร็จกันไปหมดแล้ว เรื่องที่จะมานั่งหาเครื่องแกงเอง ตำเครื่องแกงเองคงจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่เร่งรีบผู้หญิงนอกจากทำงานบ้านแล้วยังทำงานนอกบ้าน เหมือนกันผู้ชาย อะไรที่สะดวกและรวดเร็วถือว่าเป็นสิ่งดี อาชีพขายพริกแกงสำเร็จรูปนี้ทำเงินให้กับผู้ประกอบการมานักต่อนักแล้ว อย่างที่เห็นพริกแกงสำเร็จรูปในกระปุกสวยงามที่สามารถขายส่งออกได้ปีละมาก ๆ อาชีพขายพริกแกงสำเร็จรูปจึงถือว่าเป็นอาชีพทำเงินที่มองข้ามไม่ได้ ส่วนมากพริกแกงสำเร็จรูปที่นิยมทำขายมี พริกแกงเผ็ด พริกแกงส้ม พริกแกงเขียวหวาน พริกแกงคั่ว พริกแกงมัสมั่น เป็นต้น เรามีสูตรพริกรสเด็ดหลากหลายสูตรมาฝาก

สูตรพริกแกงเผ็ด
   วัตถุดิบ
  1. พริกขี้หนูและพริกใหญ่ตากแห้งอัตราส่วน 50:50 จำนวน 20 กิโลกรัม
  2. ตะไคร้ 18 กิโลกรัม
  3. ลูกมะกรูดเอาแต่ผิว 80 ลูก
  4. ข่า 15 กิโลกรัม
  5. กระเทียม 20 กิโลกรัม
  6. หัวหอมแดง 18 กิโลกรัม
  7. เกลือ 2 กิโลกรัม
  8. กะปิ 3 กิโลกรัม
  9. ลูกผักชี 50 กรัม
  10. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำ
  • หั่นวัตถุดิบทุกอย่างให้ละเอียด ยกเว้น เกลือ กะปิ ลูกผักชี และพริกไทย
  • ปั่นวัตถุดิบทุกอย่างรวมกันให้ละเอียดดีเป็นอันเสร็จ
*** สูตรนี้ได้พริกแกงเผ็ดประมาณ 100 กิโลกรัม
สูตรพริกแกงส้ม
   วัตถุดิบ
  1. พริกใหญ่แห้ง 20 เม็ด
  2. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. กระเทียม 1 หัว
  4. หอมแดง 5 หัว
  5. กระชาย 3 หน่อ
  6. เกลือป่น 2 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
  • นำพริกใหญ่แห้งแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออกผึ่งให้แห้งเล็กน้อย
  • นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นรวมกันให้ละเอียด พริกแกงส้มนี้ต้องแน่ว่าทุกอย่างละเอียดจริง ๆ เพราะพริกแกงชนิดนี้ไม่นิยมแบบหยาบ
*** สูตรนี้ได้พริกแกงส้มประมาณ 200 กรัม
สูตรพริกแกงเขียวหวาน
   วัตถุดิบ
  1. พริกสดสีเขียวและสีแดง อัตราส่วน 5:1 จำนวน 30 กิโลกรัม
  2. ตะไคร้ 20 กิโลกรัม
  3. ข่า 15 กิโลกรัม
  4. เกลือเม็ด 3 กิโลกรัม
  5. กะปิ 4 กิโลกรัม
  6. หอมแดง 25 กิโลกรัม
  7. กระเทียม 25 กิโลกรัม
  8. ลูกยี่หร่า 50 กรัม
  9. ลูกผักชี 100 กรัม
  10. พริกไทย 50 กรัม
ขั้นตอนการทำ
  • ล้างวัตถุดิบทั้งหมดให้สะอาด ผึ่งให้แห้งด้วยลม
  • หั่นวัตถุดิบให้ละเอียด แล้วนำปั่นรวมกันเป็นอันเสร็จ
*** สูตรนี้ได้พริกแกงเขียวหวานประมาณ 100 กิโลกรัม
ต้นทุนของพริกแกงสำเร็จรูป
           พริกแกงสำเร็จรูปมีต้นทุนต่อกิโลกรัมอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท

กำไร
            พริกแกงทุกชนิดขายได้ประมาณกิโลกรัมละ 100-150 บาท เพราะฉะนั้นกำไรจะอยู่ประมาณ 40-50 %

                                                               หนทางเติบโต
             แรก เริ่มอาจจะยังมีทุนไม่มาก การทำพริกแกงสำเร็จรูปขายอาจจะต้องขายเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายปลีกตามตลาดสด ตลาดนัด หรือเร่ขายตามบ้าน แต่เมื่อมีทุนมากขึ้นผลิตได้จำนวนมากขึ้นอาจจะทำเป็นขายส่ง แหล่งรับซื้อพริกแกงมีมากมาย อาทิ ร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านขายข้าวแกง ร้านขายพริกแกง เป็นต้น ซึ่งถ้าเติบโตได้ถึงขนาดซื้อเครื่องจักรใหญ่ ๆ ก็ควรจะสร้างแบนด์ให้เป็นที่รู้จัก อย่างที่ติดหูกันคือ น้ำพริกแม่ประนอม น้ำพริกพันท้ายนรสิงห์ น้ำพริกกลุ่มแม่บ้านต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเมื่อทำเป็นแบนด์แล้วเราสามารถส่งออกนอกไปขายต่างประเทศได้อีกด้วย ซึ่งเป็นช่องทางที่น่าสนใจ เพราะตลาดยังต้องการพริกแกงไทย เครื่องเทศไทยอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหารไทยที่มีอยู่มากมาย หรือขายให้กับชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารไทย หรือคนไทยผลัดถิ่น
คำแนะนำ
  1. สิ่ง ที่ควรคำนึกถึงคือคุณภาพวัตถุดิบ ต้องใช้ของดี การเลี่ยงต้นทุนไปใช้ของถูก รสชาติพริกแกงอาจจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปใช้วิธีลดต้นทุนด้วยการหาแหล่งวัตถุดิบราคาถูกโดยการไปรับซื้อถึง ที่หรือซื้อทีละมาก ๆ จะดีกว่า
  2. พริกแกงไม่ควรใส่สารกันบูด เพราะสารกันบูดเป็นตัวการให้พริกแกงรสชาติผิดเพี้ยน ปกติพริกแกงเมื่ออยู่ในภาชนะที่สะอาดและแช่เย็นไว้สามารถเก็บได้หลายสัปดาห์ ที่สำคัญวัตถุดิบต้องแห้ง ห้ามเติมน้ำในพริกแกงเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้พริกแกงเน่าเสียไว
  3. การซื้อวัตถุดิบในหน้าฝนต้องระวังเรื่องเชื้อราโดยเฉพาะหัวหอมและพริกแห้ง มักจะเกิดเชื้อราและเน่าเสียได้ง่ายมาก ๆ
  4. ควร ขอ อ.ย. ก่อนผลิตพริกแกงขาย เพื่อที่จะได้เป็นการรับประกันมาตรฐานให้ลูกค้าสบายใจ และการขอ อ.ย. นี้ถือเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าของเรา
  5. จัดเก็บเครื่องแกง พริกแกง โดยเครื่องซีลสูญญากาศ เพื่อช่วยยืดอายุของพริกแกงให้ยาวนานยิ่งขึ้น และทำให้แพ็คเกจดูน่าสนใจและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นด้วย




      ที่มา : http://ohomakemoney.com

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รีวิว เครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก Fresh World รุ่น TVS-2013

เครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก Fresh World รุ่น TVS-2013 เป็นเครื่องซีลสูญญากาศแบบอัตโนมัติ สามารถใช้ได้กับอาหาร หลากหลายแบบทั้ง เนื้อสัตว์ ปลา อาหารทะเล ผลไม้ น้ำชา ยา เครื่องเพชร หรืออุปกรณ์อิเลกทรอนิคส์ต่าง ๆ ซึ่งเครื่องที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้เป็นเครื่องล็อตใหม่ล่าสุดของโลก (เว่อร์ไปเปล่าเนี่ย) เรามาดูรายละเอียดกันเลยครับ สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักรเครื่องรุ่นนี้จะได้เห็นว่าเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่เคยใช้งานหรือเคยด้อมๆมองๆ มาบ้างแล้ว จะได้เปรียบเทียบกับรุ่นก่อนว่าต่างกันอย่างไร
หน้าตาของเครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก Fresh World รุ่น TVS-2013 ดูๆไปก็เหมือนๆเดิมนะ
เครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก Fresh World รุ่น TVS-2013
พลิกกลับด้านหลังมา เอ๊ะ! เดี๋ยวนีพี่จีนจัดภาษาไทย มาให้เราเลยนะ สำหรับคุณสมบัติเครื่องบนกล่อง สงสัยทางบ้านเราจะนำเข้ามาขายกันเยอะ เลยอำนวยความสะดวกมาให้เลย
Fresh-World-TVS-2013-2
ต้องบอกว่าเครื่องซีลสุญญากาศขนาดเล็ก Fresh World รุ่น TVS-2013 นั้นจะมีสีให้เลือก 4 สี แต่สีที่ทางเรานำเข้ามาจัดจำหน่ายนั้น มี 2 สี คือ สีขาวกับสีดำ
Fresh-World-TVS-2013-3
ด้านข้าง ทั้ง 2 ฝั่ง
Fresh-World-TVS-2013-4 Fresh-World-TVS-2013-5
เมื่อเปิดกล่องออกมา จะเห็นวิธิการใช้งาน
Fresh-World-TVS-2013-6
ตั้งใจนำรุ่นสีดำมาทำรีวิวให้ได้กัน ตัวเครื่องมาพร้อมห่อพลาสติกกันรอยและแพคด้วยโฟมกันกระแทก แต่ต้องบอกก่อนว่าเครื่องรุ่นนี้จะน้ำหนักเบามากๆ ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องซีลสุญญากาศขนาดเล็ก รุ่น DZ-300A หรือ DZ-280
Fresh-World-TVS-2013-7
ด้านหลังตัวเครื่อง มีช่องม้วนเก็บสายไฟ
Fresh-World-TVS-2013-8
Fresh-World-TVS-2013-9
เอาพลาสติกออกมาดูตัวเครื่องกันชัดๆ
Fresh-World-TVS-2013-10
ยกฝาขึ้นเพื่อเริ่มทำงาน ก็จะมีวิธีการทำงานให้เห็นกันอีกแล้ว
Fresh-World-TVS-2013-11
บางท่านอาจสงสัยว่าการใช้งานยุ่งยากหรือเปล่า เห็นมีขั้นตอนการทำงานแสดงหลายจุด ต้องบอกว่าเครื่องรุ่นนี้ใช้งานได้ง่ายมา หลังจากทำเป็นแล้วแทบจะขว้างคู่มือทิ้งกันเลยทีเดียว (เว่อร์จริง)
Fresh-World-TVS-2013-12
ปุ่มหลักๆ ในการทำงาน มีอยู่ 3 ปุ่ม
1. ปุ่ม Seal Only สำหรับซีลปากถุง โดยไม่ดูดสุญญากาศ
2. ปุ่ม Vacuum & Seal สำหรับดูดสุญญากาศและซีลปากถุง แบบอัตโนมัติ
3. ปุ่ม Cancel เป็นปุ่มควบคุมการดูดอากาศ เมื่อกดปุ่ม Vacuum & Seal แล้ว เมื่อดูดอากาศไดตามที่ต้องการแบบไม่ให้ดูดมากเกินไป ให้กดปุ่ม Cancel เครื่องจะหยุดดูดอากาศและทำการซีลปากถุงต่อไป
ทางบริษัทผู้ผลิต ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บรักษาสินค้า ระหว่างการจัดเก็บแบบธรรมดากับการจัดเก็บแบบดูดสุญญากาศ ว่าสามารถจัดเก็บได้นานเพียงใด
อุณหภูมิปกติไม่ซีลสูญญากาศซีลสูญญากาศ
ข้าวและแป้ง6 เดือน1-2 ปี
ถั่วต่างๆ2-3 เดือน1-2 ปี
ขนมปัง1-2 วัน6-8 วัน
เก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาไม่ซีลสูญญากาศซีลสูญญากาศ
เนื้อสัตว์2-3 วัน12-13 วัน
ปลาหรืออาหารทะเล1-3 วัน6-8 วัน
เนื้อสัตว์ที่ประกอบอาหารแล้ว3-5 วัน18-20 วัน
ผัก3-5 วัน10 วัน
ผลไม้4-6 วัน14-20 วัน
ไข่10-15 วัน30-50 วัน
เก็บไว้ในช่องแช่แข็งไม่ซีลสูญญากาศซีลสูญญากาศ
เนื้อสัตว์6 เดือน2-3 ปี
ปลาหรืออาหารทะเล6 เดือน2 ปี
ผัก8 เดือน2-3 ปี
กาแฟ6-9 เดือน2-3 ปี
ขนมปัง6-12 เดือน1-3 ปี
เครดิต : www.packingthai.com

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

เปรียบเทียบ เครื่องซีลสายพานต่อเนื่อง แบบมีชุดพิมพ์วันที่

เครื่องซีลปากถุง สายพานต่อเนื่อง แบบมีชุดพิมพ์วันที่ในตัว ที่ทางร้านจำหน่ายอยู่นั้น บางท่านอาจจะสงสัย ว่ามีกี่แบบกี่รุ่น ทำไมเป็นรหัสเดียวกัน ตกลงเป็นรุ่นเดียวกัน เครื่องเดียวกันหรือไม่ จริงๆแล้ว เครื่องซีลปากถุง แบบมีชุดพิมพ์วันที่ในตัวที่ทางร้านจำหน่าย  มีอยู่ 2 รุ่น ดังนี้
  1. เครื่องซีลปากถุง สายพานต่อเนื่อง รุ่น FRD-1000
  2. เครื่องซีลปากถุง สายพานต่อเนื่อง Brother  รุ่น FRD-1000
ทั้ง 2 รุ่น เป็นเครื่องซีลปิดปากถุง แบบมีชุดพิมพ์วันที่ในตัว สามารถพิมพ์วันที่ผลิต วันหมดอายุ ไว้บนรอยซีล พิมพ์ได้ 2 บรรทัด การทำงานเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ ต้องอาศัยผู้ปฏิบัติงานทำงานร่วมกับเครื่อง

ด้านซ้าย เป็นรุ่น FRD-1000 ส่วนด้านขวา เป็น Brother FRD-1000



ลักษณะเครื่องซีลปากถุง จะมีลักษณะที่เหมือนกัน จะแตกต่างกันในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ส่วนความกว้าง ความยาว ความสูงของตัวเครื่องนั้น จะเท่ากัน













ในส่วนของแผงควบคุมการทำงานนั้น จะเห็นความแตกต่างกัน ตรงที่ เครื่องของ Brother จะมีตัวปรับอุณหภูมิของชุดพิมพ์วันที่และมีหน้าปัดแสดงอุณหภูมิ ส่วนในเครื่องที่ไม่ใช่ Brother จะปรับที่ปุ่ม Volume ตัวกลาง แถวด้านล่าง ไม่มีระดับอุณหภูมิบอก ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ ก็จะคล้ายกัน สามารถปรับตำแหน่งการพิมพ์วันที่ ว่าจัดเรียงไว้ทางซ้ายของปากถุงหรือขยับมาตำแหน่งต่างๆ จนถึงด้านขวาสุดของปากถุง



ส่วนอีกเรื่องที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันได้ชัดเชน คือ ความหนาของสายพานลำเลียง ถ้าได้ลองสัมผัสจะพบว่า สายพานของเครื่อง Brother จะหนากว่า




สรุปแล้ว เมื่อพิจารณาดูตัวเครื่องรายละเอียดเพิ่มเติมที่ทางเครื่อง Brother ให้มา และตัวเครื่องที่ดูละเอียด สวยงามกว่า เมื่อเทียบกับราคาที่สูงขึ้น แต่งานในการซีลถุงออกมานั้นไม่ได้ต่างกัน

เครดิต : เครื่องซีลถุง.com

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

เครื่องอบฟิล์มหด เครื่องห่อฟิล์ม คืออะไร

เครื่องอบฟิล์มหด เครื่องห่อฟิล์ม คืออะไร

         บางท่านอาจจะสงสัยว่า เครื่องอบฟิล์ม เครื่องอบฟิล์มหด เครื่องห่อฟิล์ม เครื่องชิงค์ฟิล์ม คือเครื่องอะไร จะนำไปใช้กับอะไร งานที่ได้ออกมาจะเป็นอย่างไร ดังนั้นทางเราจะนำท่านไปรู้จักกับเครื่องดังกล่าว
เครื่องอบฟิล์ม เครื่องอบฟิล์มหด เครื่องห่อฟิล์ม เครื่องชิงค์ฟิล์ม เป็นเครื่องที่มีอุโมงค์ความร้อน แล้วให้สินค้าไหลผ่านอุโมงค์ความร้อน เพื่อให้ความร้อนเป็นตัวทำให้ฟิล์มที่ห่อสินค้า หดรัดไปกับตัวสินค้า เช่น กล่องสินค้า กล่องเครื่องสำอาง กล่องโทรศัพท์มือถือ กล่องสินค้าอุปกรณ์ไอที เป็นต้น และเราสามารถนำไปใช้งานกับงานประเภทอื่นๆได้อีก เช่น การห่อฉลากขวดน้ำ การแพ็คโหล การแพ็คขวด การแพ็คผลิตภัณฑ์ต่างๆ  ให้รวมกันเป็นชุดๆ  ตามจำนวนที่เราต้องการ
เครื่องอบฟิล์มหด จะมีหลายรุ่น หลายขนาด การเลือกใช้งานนั้น จะเลือกใช้งานตามรูปแบบของฟิล์มที่ใช้งาน  และขนาดของสินค้าที่จะนำมาแพ็คเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานตัวอย่างงานที่ได้จากเครื่องอบฟิล์ม

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

ถุงสูญญากาศ ถุงแวคคั่ม สำหรับแพ็คข้าวสาร แพ็คอาหาร

ถุงสูญญากาศ หรือ ถุงแวคคั่ม เป็นถุงที่มีความหนา ทีมีส่วนผสมของพลาสติก PE ทำให้ถุงมีความหนาและเหนียว เหมาะสำหรับแพ็คอาหาร ใช้ร่วมกับเครื่องซีลสูญญากาศ เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถทนอุณหภูมิสูงและต่ำมากๆได้เป็นอย่างดี
สามารถแพ็คอาหาร แล้วนำไปแช่ห้องเย็นที่อุณหภูมิต่ำๆได้ และสามารถนำไปเข้าไมโครเวฟได้อีกเช่นเดียวกัน เหมาะแก่การนำไปแพ็คถนอมอาหาร
ถุงสูญญากาศ หรือ ถุงแวคคั่ม ที่จำหน่ายในท้องตลาดนั้น จะมีหลายรูปแบบ หลายความหนา และในส่วนของถุงสูญญากาศที่ใช้งานกับเครื่องซีลสูญญากาศ กันโดยทั่วไป จะมีดังนี้
  1. ถุงสูญญากาศ แบบรูปทรงเหมือนถุงธรรมดา บางคนก็จะเรียกว่าถุงซีลสามด้าน เพราะมีการซีลขอบมาทั้ง 3 ด้าน เราเพียงแต่นำมาบรรจุสินค้า แล้วซีลปิดแค่ปากถุงเท่านั้น ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับถุงพลาสติกทั่วไป ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน
  2. ถุงสูญญากาศ แบบจีบ ขยายข้าง นิยมนำไปใช้งานในงานแพ็คข้าวสาร แพ็คข้าวกล้อง แพ็คข้าวไรซ์เบอรี่
  3. ถุงสูญญากาศ แบบลายนูน เป็นถุงสูญญากาศ รูปทรงเหมือนถุงธรรม แต่ด้านนึงจะมีลายนูน จึงเรียกกว่าถุงลายนูน จะใช้กับเครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก Fresh Word

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คู่มือการใช้งาน เครื่องซีลสูญญากาศ Brother

วิธีการตั้งค่า เครื่องซีลสูญญากาศ Brother 

1.   กดเปิดสวิตซ์ Powerเพื่อเริ่มทำงาน
1.   กดปุ่ม PROG แช่ไว้ 1-2 วินาที เพื่อทำการตั้งค่าโปรแกรม ในรูปเป็นการตั้งค่า โปรแกรม 0    
1.   กดปุ่ม INCREASE หรือ ปุ่ม DECREASE เพื่อเลือกตั้งค่าโปรแกรม 0-9 (P0-P9)      
1.   หลังจากกดปุ่ม PROG ค้างไว้ จะเข้าสู่การตั้งค่า โดยเข้ามาที่ค่าการดูดอากาศ เป็นอันดับแรก (VACUUM) ตั้งค่าโดยกดปุ่ม INCREASE หรือ ปุ่ม DECREASE      
ในกรณีข้าวสาร 1 Kg. เลือกค่าที่ 18 S
1.   หลังจากนั้น กดปุ่ม PROG 1 ครั้ง จะเข้าสู่การตั้งค่า GAS-FILL ซึ่งค่านี้เป็นค่าที่ไม่ได้ใช้งาน ตั้งค่าเป็น 0.0 S
1.   หลังจากนั้น กดปุ่ม PROG 1 ครั้ง จะเข้าสู่การตั้งค่า SEAL ซึ่งค่านี้เป็นค่าการซีล การเลือกค่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาของถุง ซึ่งถ้าใช้งานถุงสุญญากาศ 120 ไมครอน ตั้งค่าเป็น 3.5 S ซึ่งหากค่าที่ตั้งไว้มากเกินจะทำให้ถุงไหม้และลาย หากค่าที่ตั้งไว้น้อยเกินไปจะทำให้การซีลไม่สนิท ทำให้อากาศสามารถเข้า-ออกได้
1.   หลังจากนั้น กดปุ่ม PROG 1 ครั้ง จะเข้าสู่การตั้งค่าการเป่าลม ซึ่งให้ตั้งค่าเป็นมาตรฐานไว้ที่ 4.0 S
1.   หลังจากตั้งค่าครบแล้ว ให้กดปุ่ม PROG แช่ไว้1-2 วินาที เพื่อเป็นการบันทึกค่าทั้งหมดที่ตั้งไว้ของ โปรแกรม 0 (P0)








วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีการใช้งาน เครื่องซีลสูญญากาศ รุ่น DZ-260,DZ-400 และ DZ-500

  1. กดเปิดสวิตซ์ Power On เพื่อเริ่มทำงาน
  2. กดปุ่ม SET 1 ครั้ง เพื่อทำการตั้งค่าโปรแกรม ไฟจะติดที่ตำแหน่ง VACUUM การดูดอากาศ และแสดงค่าที่ตั้งไว้แล้ว เช่น ตัวเลข 18  
  3. กดปุ่ม INCREASE หรือ ปุ่ม DECREASE เพื่อเลือกตั้งค่าการดูดอากาศ เช่น ตั้งค่าที่ 18  (ข้าวสาร)   
  4. กดปุ่ม SET 1 ครั้ง เพื่อทำการตั้งค่าโปรแกรม ถัดไป ไฟจะติดที่ตำแหน่ง SEALING การซีลถุง  และแสดงค่าที่ตั้งไว้แล้ว เช่น ตัวเลข 3.5   (ข้าวสาร)   กดปุ่ม   เพื่อเพิ่ม – ลด ค่าการซีล
  5. กดปุ่ม SET 1 ครั้ง เพื่อทำการตั้งค่าโปรแกรม ถัดไป ไฟจะติดที่ตำแหน่ง COOLING การเป่าลม และแสดงค่าที่ตั้งไว้แล้ว เช่น ตัวเลข 4.0   (ข้าวสาร)   กดปุ่ม   เพื่อเพิ่ม – ลด ค่าการเป่าลม
  6. กดปุ่ม SEALING TEMPERATURE  จะเข้าสู่การตั้งค่าความร้อนของแท่งซีล แนะนำให้ตั้งไว้ที่ตำแหน่ง MIDDLE หากไฟที่ตำแหน่งนี้ไม่ติดที่ตำแหน่งใดเลย จะทำให้แท่งซีลไม่เกิดความร้อน และซีลไม่ติด
  7.  หลังจากตั้งค่าต่างๆ ทิ้งไว้สักครู่ หน้าจอจะแสดง Ed เพื่อแสดงสถานะพร้อมทำงาน
  8. จับเหล็กพับ สำหรับล็อคปากถุง มาด้านหน้า วางถุงพาดไว้บนแท่งซีล
  9. นำเหล็กพับ สำหรับล็อคปากถุง กลับมาวางทับถุง
  10. กดฝาลงให้มีน้ำหนัก โดยกดแช่สักครู่ เครื่องจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อทำงานเสร็จ ฝาจะเปิดเอง 

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

วิธีการใช้งาน เครื่องซีลปากถุง แบบสูญญากาศ ขนาดเล็ก รุ่น DZ280 และ รุ่น DZ300A

วิธีการใช้งาน เครื่องซีลปากถุง แบบสูญญากาศ ขนาดเล็ก รุ่น DZ280 และ รุ่น DZ300A
1. เสียบปลั๊ก โดยให้ SW. อยู่ในตำแหน่ง Off
2. Seal Time ปรับระดับระยะเวลาในการซีลขึ้นอยู่กับความหนาของถุง
3. กดปลดล็อค (DZ300A เป็นปุ่มสีส้ม อยู่ด้านข้าง) เพื่อปลดล็อค ทั้ง 2 ข้าง
4. ยกแถบซีล ของ เครื่องซีลปากถุง แบบสูญญากาศ ขึ้น เลื่อนท่อดูดอากาศลง
5. นำถุงวางบนแนวซีล ของ เครื่องซีลปากถุง แบบสูญญากาศ โดยให้ท่อดูดอยู่ในถุง
6. ยกแถบซีล ของ เครื่องซีลปากถุง แบบสูญญากาศ ลง และกดล็อคที่มุมซ้ายและมุมขวา
7. กดปุ่มมาที่ตำแหน่ง On  เครื่องจะเริ่มทำการดูดอากาศ
8. เมื่อชิ้นงานถูกดูดอากาศได้ตามความต้องการ ให้ทำการกดแถบซีลเพื่อทำการซีล โดยจะทำการซีลตามระยะเวลาที่ตั้งค่าไว้ เครื่องจะส่งเสียงเตือน ให้ปล่อยมือ และทำการปลดล็อคที่มุมซ้ายและมุมขวา เพื่อนำถุงที่ซีลเรียบร้อยออกจากเครื่อง
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ถ้าจะแพ็คข้าวสาร จะต้องเลือกใช้งานเครื่องอะไร เครื่องแบบไหน เครื่องรุ่นไหน ???

ลูกค้าหลายท่านอาจกำลังสงสัย ว่า ถ้าจะแพ็คข้าวสาร จะต้องเลือกใช้งานเครื่องอะไร เครื่องแบบไหน เข้ามาดูในเว็บก็มีหลายรุ่น แล้วรุ่นไหนจะเหมาะกับธุรกิจของเรา เครื่องซีลสูญญากาศหลักๆ ที่ทางร้านจำหน่ายนั้น แบ่งเป็น 2 ระบบ
  1. แบบลิ้นดูดอากาศ ขนาดเล็ก มี 2 รุ่น Brother DZ280 และ DZ300A (ข้อแตกต่าง ระหว่าง Brother DZ280A และ DZ300A)
  2. แบบห้องสูญญากาศ  DZ260,DZ300T/A,DZ400,DZ500,DZ600, DZ400/2SB,DZ500/2SB,DZ600/2SB
แล้วจะเลือกใช้งานแบบไหน รุ่นไหน?

คำตอบ คือ งานที่ลูกค้าต้องการนั้น อยากให้ออกมาเป็นแบบไหน

หากลูกค้าต้องการงานที่เป็นสี่เหลี่ยมและแข็ง ตามที่วางขายกันตามท้องตลาดทั่วไป งานดังกล่าวนั้น จะต้องใช้งานควบคู่กับถุงสูญญากาศ แบบจีบ ขยายข้าง ต้องเลือกใช้งานรุ่นที่เป็นระบบห้องสูญญากาศ เพราะถ้านำถุงแบบจีบขยายข้างไปใช้งานกับ เครื่องแบบลิ้นดูดอากาศ งานที่ออกมาจะไม่แข็งตามความต้องการ  ส่วนจะเลือกรุ่นไหน ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและกำลังการผลิต

     

แต่หากลูกค้ายอมรับงานที่เป็นแบนๆ ตามรูปทรง ก็สามารถใช้งานเครื่องแบบลิ้นดูดอากาศได้ เพราะเครื่องรุ่นนี้เหมาะกับถุงแบบซีลสามด้าน ซึ่งงานก็จะออกมาแข็งตามความต้องการเช่นกัน